อาถรรพ์หุ่นพยนต์

อาถรรพ์หุ่นพยนต์

‘สำนักหมอผีอาจารย์เดช’ เป็นที่เรื่องลือกันมากในแวดวงของผู้ที่ประกอบอาชีพค้าขาย ว่ากันว่าแกเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมกล้าแกร่งเป็นอย่างมาก แกสามารถปลุกเสกเครื่องรางของขลังที่ให้คุณในด้านต่างๆ ได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะในด้านค้าขาย เมื่อเกดซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าส่งให้ฟัง เธอจะคิดถึงเธอสนิทของเธอเดินทางไปหาอาจารย์เดชในวันพรุ่งนี้ อันที่จริงแล้วเกดอยากจะไปในทันทีเสียด้วยซ้ำแต่ติดตรงที่ว่ามันมืดค่ำแล้ว สาเหตุที่เกดใจร้อนนั้นก็เนื่องจากว่า หลายเดือนที่ผ่านมานี้ เธอค้าขายไม่ดี ทุนหายกำไรไม่ได้ ถึงแม้จะปรับเปลี่ยนโปรโมชั่นหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ผล หนี้สินพอกพูนขึ้นทุกวันทุกวันจนแทบจะพยุงร้านไม่อยู่ หลังจากที่เธอได้ยินเรื่องเล่าของอาจารย์เดช จากแม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ข้างๆร้านของเธอ ก็ทำให้เกดรู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง…

ณ สำนักหมอผีอาจารย์เดชในวันต่อมา

เมื่อหญิงนั่นก็คือเพื่อนสนิทของเกด ขับรถมาถึงที่หมาย หญิงจึงถามเกรดด้วยความเป็นห่วงว่า

“เกดแกแน่ใจนะ” หญิง

อันที่จริงแล้วที่เกดชวนเธอมาหาหมอผีอาจารย์เดช ก็เพื่อจะขอของขลังมาบูชาในวันนี้ หญิงก็ไม่ได้อยากจะมาด้วยเลย เพราะเธอกลัวเรื่องแบบนี้มาก เธอไม่ชอบห้องเกี่ยวกับสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นที่สุด แล้วยิ่งได้มาเห็นสำนักหมอผีของอาจารย์เดช หญิงก็รู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก เพราะสถานที่แห่งนี้ มันดูอึมครึมมืดมนแบบแปลกๆ ทั้งๆที่เป็นเวลากลางวันแท้ๆ หรืออาจเป็นเพราะมีต้นไม้ใหญ่หลายต้น ขึ้นบดบังแสงอาทิตย์ก็สุดรู้

“ฉันก็แค่อยากจะลองดูน่ะหญิง มันคงจะไม่เสียหายอะไรไปมากกว่านี้แล้ว แกก็รู้ว่าร้านฉันต้องโดนยึดแน่ๆ ถ้ายังระบายขายของออกไปไม่ได้ภายใน 2-3 เดือนนี้ ทั้งที่ธนาคารทั้งหนี้นอกระบบอีก ฉันหมุนไม่ทันแล้ว แกก็รู้ว่าฉันรักร้านนี้มาก ฉันสร้างมันเองขึ้นมากับมือ” เกด

“แต่ฉันเป็นห่วงแกจริงๆนะ ฉันไม่อยากให้แกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย” หญิง

“ไม่เอาหน่าหญิง คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แกจะดูนั่นสิคนอื่นเขาก็มาต่อคิวหาอาจารย์กันหลายคน ปะพวกเราลงไปต่อคิวกันเถอะ ฉันขอร้องแกและหญิงลงไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย” เกด

หญิงนั่งนิ่งเงียบไปสักครู่นึงและในอึดใจต่อมา เธอก็พยักหน้าตกลง ทั้งสองจึงลงไปต่อคิวเพื่อเข้าพบอาจารย์เดช แล้วคนทั้งคู่ก็ยืนรออยู่สักพัก จนกระทั่งมาถึงคิวของพวกเธอ เกดและหญิงเดินเข้ามาภายในของสำนักหมอผี แล้วก็มองเห็นว่า อาจารย์เดชนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าแท่นบูชา เกดและหญิงจึงนั่งลง ตอบมาเกดก็ยกขันธ์ 5 ไหว้อาจารย์เดช แล้วเธอก็บอกความต้องการของเธอ ที่มาหาอาจารย์ในวันนี้ เมื่ออาจารย์เดชฟังจบ แกก็หันไปหยิบตุ๊กตาผ้าบนแท่นบูชา ยื่นให้กับเกด พร้อมกับพูดว่า

“เอานี่ของดี เอ็งมารับเอาไปสิ” อาจารย์เดช

“เอ่อ… มันคืออะไรเจ้าคะท่านอาจารย์”  เกดถามขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อมองเห็นตุ๊กตาผ้าหน้าตาแปลกประหลาด แล้วถูกพันด้วยสายสิญจน์ที่อยู่ในมือของอาจารย์เดช

“มันคือหุ่นพยนต์น่ะ” อาจารย์เดช

“ท่านอาจารย์เจ้าคะ เกดขอเป็นต่อเงินต่อทองเหมือนแม่ค้าร้านข้างๆ ได้ไหมเจ้าคะ เกดอยากค้าขายดีเหมือนป้าแกค่ะ”

“บ่ะนังนี่ หุ่นพยนต์ตัวนี้ให้ผลดีกว่ามาโข ของที่ใช้ทำมันขึ้นมาก็ไม่ใช่ของดาดเดื่อนทั่วไป ตัวข้าเองก็ลงคาถาปลุกเสกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ที่ข้ายอมให้เอ็งเอาไปดูแลต่อ ก็เพราะเห็นว่าเองมีวาสนา ข้าขอรับรองว่าตัวเองดูแลมันดีๆ เอ็งจะค้าขายร่ำรวยดีกว่าร้านก๋วยเตี๋ยวข้างๆ ร้านเองอีก แต่ถ้าเอ็งไม่อยากได้ก็ช่างเถอะ” พูดจบอาจารย์เด็ดก็หันหลังเพื่อนำหุ่นพยนต์ไปวางไว้หลังแท่นบูชาอย่างเดิม

“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านอาจารย์ เกดขอรับไปดูแลเองเจ้าค่ะ” หลังจากที่เกดได้ฟังคำอธิบาย ถึงสรรพคุณของตุ๊กตาผ้า ที่อาจารย์เดชเรียกว่าหุ่นพยนต์แล้ว เกดจึงรีบพูดแล้วยื่นมือออกไปรับด้วยความรวดเร็ว ทั้งเธอดีใจอีกทั้งยังคิดกลัวว่า อาจารย์จะเปลี่ยนใจไม่ให้หุ่นพยนต์ตัวนี้แก่เธอ เมื่อเกดรับหุ่นพยนต์มาแล้ว เธอก็ได้พูดคุยกับอาจารย์ ถึงวิธีดูแลมันอยู่อีกสักครู่ เสร็จแล้วเธอก็ไหว้ลาอาจารย์เดช แล้วชวนหญิงกลับบ้านทันที เกดรู้สึกดีใจมาก และมีความหวังว่ากิจการของเธอ จะต้องมีผลกำไรดีขึ้นในทุกๆวัน เหมือนป้าร้านก๋วยเตี๋ยวข้างๆ เป็นแน่

หลังจากรับหุ่นพยนต์มาดูแล กิจการของเกดก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ มีลูกค้ามากมายเข้ามาเลือกซื้อของในร้านของเธอ จนเกดต้องจ้างพนักงานเพิ่มอีกถึง 2 คน เธอรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก ที่กิจการอันย่ำแย่จนเกือบจะเจ๊งของเธอ มีผลกำไรเป็นกอบเป็นกำขึ้นมาในเวลารวดเร็ว แต่ความสุขเหล่านั้นกลับอยู่กับเกดได้ไม่ถึงปี ก็เกิดเรื่องราวชวนผวาขึ้นมาแทนที่

ในช่วงดึกของคืนหนึ่ง เกดตกใจตื่นขึ้นมา เพราะว่าเธอได้ยินเสียงฝีเท้าคน แก่จนลุกขึ้นมองดู แล้วแสงจะโคมไฟที่เกดเปิดไว้ก่อนนอน ก็ทำให้เธอมองเห็น คนตัวใหญ่เดินไปมาอยู่ในห้อนอนของเธอได้อย่างชัดเจน เกรดทั้งกลัวและตกใจมาก เธอจึงกรีดร้องเสียงดัง และเงานั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตาของเธอ เสียงกรีดร้องของเกด ดังจนพ่อและแม่ของเธอตกใจ ท่านทั้งสองจึงรีบวิ่งมาเคาะประตูห้องของลูกสาวเพียงคนเดียว ด้วยความเป็นห่วง เมื่อเกดได้ยินเสียงของพ่อและแม่ เธอจึงรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องนอน และเล่าเรื่องที่เธอเห็นให้พ่อและแม่ฟัง พ่อและแม่ของเธอคิดว่าเธออาจจะฝันร้าย แต่ยังคงไม่ไว้วางใจเพราะอาจจะเป็นโจรก็ได้ ท่านทั้งสองจึงเดินเข้ามาดูในห้องนอนของเกด แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ บานหน้าต่างก็ปิดล็อคเรียบร้อยดี และไม่มีร่องรอยการงัดแงะ พวกท่านจึงนั่งคุยเป็นเพื่อนเกดให้หายตกใจอยู่สักพัก จนเกดสงบใจได้ พวกท่านทั้งสองจึงได้กลับห้องไปนอนต่อ และหลังจากคืนนั้นเป็นต้นมา เกดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคน และเห็นเงาคนตัวใหญ่เดินไปเดินมาในห้องทุกคืน เพราะเหตุนี้จึงทำให้เธอนอนไม่ค่อยหลับ รู้สึกหวาดระแวง ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเธอกันแน่ เธอป่วย เธอฝัน หรือว่ามีคนเดินอยู่ในห้องของเธอจริงๆ กันแน่

เกรดจึงตัดสินใจนำกล้องวงจรปิดมาติดไว้ในห้องของเธอ ในตอนกลางดึกช่วงที่ได้ยินเสียงคนเดิน เกดก็ได้ลุกขึ้นมามองดูแล้วก็ได้เห็นเงาคน เดินแวบผ่านหน้าเธอหายไป เกดรีบเปิดภาพย้อนหลังในกล้องวงจรปิดดู แต่กล้องวงจรปิดนั้น ก็ไม่สามารถจับภาพผิดปกติอะไรได้ มีเพียงแค่เธอเท่านั้น ที่ลุกดูอยู่ข้างๆเตียงนอน หรือว่าจะเป็นผี เกรดรำพึงรำพันขึ้นมาในใจ เมื่อคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ เธอจึงเดินออกไปจากห้องเพื่อไปนำพระพุทธรูป มาตั้งไว้บนหัวนอนของเธอ เหตุการณ์ดำเนินผ่านไปเกือบ 1 เดือน เกดก็ยังคงได้ยินและได้เห็น ในช่วงกลางดึกแทบทุกคืน เกดไปหาหมอ ก็ได้แต่ยาคลายเครียดกลับมา เกร็ดนำกล้องวงจรปิดมาติด ก็จับภาพอะไรไม่ได้ เขตนำพระมาตั้งไว้หัวนอนทุกคืน ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เกดไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว จึงนึกถึงอาจารย์เดชขึ้นมา เกดชวนหญิงไปพบอาจารย์เดชอีกครั้ง สิ่งที่เกดได้ยินและได้เห็นนั้นก็คือหุ่นพยนต์ตัวนั้นนั่นเอง เกดรู้สึกกลัวจนคิดจะคืนให้อาจารย์เดช แต่อาจารย์ปฏิเสธไม่รับกลับ แกบอกว่าของที่แกให้ไปแล้ว ไม่สามารถรับกลับคืนมาได้ อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเกดยังดูแลมันอยู่ กิจการของเธอก็ยังดำเนินไปได้ด้วยดี มีกำไรไม่ขาดสาย

หลังจากกลับมาจากสำนักอาจารย์เดช เกดก็ย้ายข้าวของมานอนกับหญิง เพราะเธอกลัว เกดคิดว่าถ้าเปลี่ยนที่นอน เธอก็อาจจะไม่ได้ยินและไม่เห็นในตอนกลางดึกอีก แต่แล้วสิ่งที่เกดคิด ก็ไม่เป็นผล หุ่นพยนต์ตัวนั้น มันยังตามมาทำให้เธอได้ยินและได้เห็นเหมือนเดิม และคราวนี้ หญิงก็ได้ยินแล้วได้เห็นไปพร้อมๆ กับเกดด้วย หญิงจึงเกลี้ยกล่อมให้เกรดน้ำมันไปทิ้ง เพราะหากมันยังอยู่ เกดคงจะหวาดผวาไม่เป็นอันหลับอันนอนไปทุกๆคืน เกดเริ่มลังเล แต่ก็ยังห่วงร้านที่เธอสร้างมากับมือ เมื่อเกดไม่ยอมนำหุ่นพยนต์ตัวนั้นไปทิ้ง หญิงจนโกรธมากและไล่ให้เกรดกลับบ้านของตัวเอง เพราะว่าหญิงกลัวมากและไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เกดก็รู้สึกโกรธหญิงเช่นกันที่ไม่เข้าใจเธอ เกรดจึงขับรถกลับมานอนบ้านในคืนนั้น ในเช้าวันต่อมาหญิงโทรมาเล่าให้พ่อแม่ของเกดฟัง ท่านทั้งสองฟังจบก็ตกใจ รีบพากันไปหาเกดที่ห้องนอน และเกลี้ยกล่อมให้เกดนำหุ่นพยนต์ตัวนั้นไปทิ้ง แต่เกรดไม่ยินยอม เธอกลัวร้านค้าของเธอจะขายไม่ดีอีกครั้ง ยิ่งพูดยิ่งคุยยิ่งทะเลาะกันรุนแรงขึ้น เกรดถึงขั้นเขวี้ยงปลาข้าวของในห้องนอนจนแตกกระจายด้วยความโมโห พ่อและแม่เห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของเกดก็ตกใจ เพราะปกติแล้วลูกสาวของท่านทั้งสองเป็นหญิงสาวผู้ว่าง่ายและอ่อนโยน พ่อและแม่จึงยอมถอยออกมาจากห้องก่อน เพื่อให้เกียรติได้สงบสติอารมณ์ แต่เรื่องราวก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น เกดยังคงระงับอารมณ์ไม่อยู่ เธอโทรไปด่าเพื่อนสนิทที่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเธอ แล้วถึงแม้จะวางสายไปแล้วเธอก็ยังคงด่าทอและสบถคำหยาบคายต่อไป ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง เกรดถึงได้หยุดเสียงลง เมื่อแม่และพ่อเข้าไปดู ก็เห็นว่าเกดนอนหลับไปแล้ว พ่อจึงรีบขับรถออกจากบ้านไปปรึกษาพ่อส่งที่พ่อนับถือ ถึงเรื่องหุ่นพยนต์ตัวนั้น และให้แม่คอยดูแลเกรดอยู่ใกล้ๆ ไม่ถึง 1 ชั่วโมงพ่อก็กลับมา และปลุกเกรดให้ไปหาร่างทรง พร้อมนำหุ่นพยนต์ตัวนั้นติดตัวไปด้วย ตอนแรกเกดก็อิดๆ อ่อนๆไม่อยากไป แต่พ่อและแม่ก็เกลี้ยกล่อมและบังคับไปจนได้

เมื่อทั้งสามคนเดินทางมาถึงบ้านของร่างทรง ร่างทรงพ่อปู่ก็ขอดูหุ่นพยนต์ของเกด แล้วท่านก็บอกเกดว่า

“หุ่นพยนต์ตัวนี้ไม่ใช่ของดีอะไร พวกเอ็งทั้งหลายจงมองดูสายสิญจน์ที่พันรอบตัวมันเอาไว้ สายสิญจน์เส้นนี้แท้ที่จริงแล้ว มันเอาไว้มัดจองจำวิญญาณผีตายโหง พร้อมกับลงอาคมกำกับ เพื่อไม่ให้มันหลุดออกไปได้ หากผู้ดูแลไม่มีอาคมกดข่มมันได้ มันก็จะสามารถสูบดูดพลังชีวิต หรือบางทีก็สิงร่างคนเลี้ยง เพื่อเพิ่มพลังให้มันก็เป็นได้ นานวันเข้าคนที่เลี้ยงมัน ถ้าไม่กลายเป็นคนบ้า ก็กลายเป็นคนตาย”

เมื่อเกดได้ฟังสิ่งที่ร่างทรงพูดเธอก็นึกกลัวจับใจ เธอคิดในใจด้วยความรวดเร็วว่า ถ้าต้องแลกความร่ำรวยกับความตายหรือเป็นบ้า เธอคงรับไม่ไหว เธอยังอยากเป็นมนุษย์ปกติที่มีชีวิตยืนยาว เกดจึงรีบถามร่างทรงพ่อปู่ว่า เธอควรทำอย่างไรดี ร่างทรงก็ตอบเกรดกับว่า ให้เธอนำมันไปทิ้งลงน้ำหลังจากทำพิธีสวดถอนของออกจากเธอแล้ว เพราะนอกจากเธอจะถูกวิญญาณ ที่เธอถูกสูบพลังชีวิตแล้ว เธอก็ยังโดนปล่อยของใส่อีกด้วย เมื่อทั้ง 3 คนได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกกลัว ฉันขอร้องให้ร่างทรงพ่อปู่ทำพิธีให้โดยเร็ว หลังจากที่ทำพิธีเสร็จร่างทรงพ่อปู่ก็บอกให้เก็บถือศีล 5 อย่าได้ขาด แล้วหมั่นทำบุญทำทาน เพื่อให้ผลบุญนำพาพบเจอแต่เรื่องดีๆ และอย่าได้ไปข้องแวะกับสายดำจำพวกนี้อีก